ผวา…!! ช้างป่าเขาอ่างฤาไนหลงฝูง 4 ตัว หากินไกลข้ามจังหวัดถึงปราจีนฯ (ชมคลิป)
ชาวบ้านปราจีนฯ ผวา!! ช้างป่าเขาอ่างฤาไนหลงฝูง 4 ตัว หากินไกลเพลินข้ามจังหวัด ถึงเขตนิคมอุตสาหกรรม 304 (ชมคลิป)
เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้11 มิ.ย.61 พ.ต.ท.มงคล โท้เป๋า รอง ผกก.สส.สภ.ระเบาะไผ่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านคลองรั้ง ชาวบ้านต่างกันแตกตื่นเมื่อเห็นพบช้างป่า รวมจำนวน 4 ตัว หลงเข้ามาข้างแหล่งชุมชน นิคมอุตสาหกรรม304 หลัง หมู่บ้านคลองรั้ง ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี จึงลงพื้นที่พบว่าเมื่อช้างเห็นคนไปมุงดูเดมีอาการตกใจ ย้อนกลับทางเดิมมาหลบอยู่ในสวนปาล์มบ้านหนองหอย หมู่ 6 ต.หัวหว้า อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ผู้นำหมู่บ้านกู้ภัยแจ้งฝ่ายปกครองตำรวจและป่าไม้ช่วยกันต้อนช้างป่าให้กลับเข้าเขตป่าไปแล้ว 1 ชุดโดยเดินข้ามถนนสาย359 (พนมสารคาม-สระแก้ว) ไปเข้าเขต ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เป็นช้าง2 ตัวแม่ กับลูก ที่กำลังซุกซน
(ชมคลิป)
พร้อมกันนี้ มีชาวบ้านแจ้งว่า ยังคงพบเห็นช้างอีก 2 ตัว ไม่ใช่ 2 ตัว แม่ลูกที่กลับคืนป่าไปแล้ว โดยพบอยู่ในสวนยูคาลิปตัสอีกเป็นช้างป่าเพศผู้มีงา 1 ตัวและช้างสีดออีก 1 ตัว อายุประมาณ 7 -8 ปี น้ำหนักเกือบ 1 ตัน จึงแกะรอยดู พบว่าน่าจะมีช้างหลงฝูงอยู่อีกจำนวน 2 ตัวจริง ตามที่ได้รับแจ้ง
นายสมเกียรติ แสงจันทร์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ได้นำกำลังชุด ชรบ.และกู้ภัยร่วมตัญญูค้นหาร่องรอยช้างป่า 2 ตัวตามที่แจ้งมา จนกระทั่งแน่ใจว่ามีช้างป่าหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าคาลิปตัส บ้านแสงจันทร์ หมู่ 6 ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี จึงแจ้งหน่วยป่าไม้เขาตะกุบมาช่วยผลักดันช้างป่า2ตัวกลับพื้นที่ตามเดิม เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่พยายามต้อนช้างป่ากลับโดยการจุดประทัดไล่ อยู่ในป่ายูคาและพบช้างเดินออกจากป่ามาหลบอยู่ในป่าอ้อย ซึ่งเป็นแหล่งอาหาร
นายเอนก วงษ์ษา หน.ป่าไม้เขาตะกุบ กล่าวว่า “ช้างป่าที่เห็นหลงฝูงออกมาหากินตามแนวป่าเขาหินซ้อนและหลงทิศทางเตลิดออกมาใกล้แหล่งชุมชน ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังพยายามผลักดันช้างกลับเข้าป่าคาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่เกินช่วงค่ำนี้น่าจะผลักดันช้างป่า 2 ตัวนี้กลับพื้นที่ได้อย่างแน่นอน โดยเป็นช้างป่าจากเขาอ่างฤาไน(ในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา ,จ.สระแก้ว ,จ.ระยอง ,จ.จันทบุรี และ จ.ชลบุรี ) ซึ่งมีประชากรช้างป่าจำนวนมาก” นายเอนกกล่าว