เครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์ฯปากน้ำปราณ จัดงาน” ”บอกรัก(ษ์)ทะเลปราณ”
เครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์ฯปากน้ำปราณ จัดงาน” ”บอกรัก(ษ์)ทะเลปราณ”
กลุ่มภาคีเครือข่ายด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6 องค์กรในพื้นที่อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมตัวจัดกิจกรรม”บอกรัก(ษ์)ทะเลปราณทั้งการเก็บขยะชายหาดปากน้ำปราณ ปลูกต้นจิกและสารภีทะเล รวมทั้งปล่อยหอยหวาน และพันธุ์ปูม้ากว่า 3 ล้านตัวลงสู่ท้องทะเลปากน้ำปราณ เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศน์ชายฝั่งพัฒนาศักยภาพของแหล่งประมงให้มีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งและเป็นไปอย่างยั่งยืนอันจะนำมาซึ่งรายได้
(วันที่ 19 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา) ที่ศูนย์ศึกษาเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งศาลเสด็จเตี่ย ชายหาดปากน้ำปราณ หมู่ 2 ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ กลุ่มอนุรักษ์ภาคีเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อม ได้รวมตัวจัดกิจกรรมโครงการ”บอกรัก(ษ์)ทะเลปราณ ขึ้นโดยมีกลุ่มอนุรักษ์ต่างๆ นำโดยนายพิษณุพงษ์ เหล่าลาภผล ประธานกลุ่มคนรักษ์ทะเลและชายหาดปากน้ำปราณ ร่วมกับนายเจือ แคใหญ่ กลุ่มเกษตรทำประมงปากน้ำปราณ,นายสมเดช นาคดี ประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านคลองเก่า, ชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอำเภอปราณบุรี,เครือข่ายรัก(ษ์)แม่น้ำปราณบุรี, ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี,สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.)สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์,สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 เพชรบุรี ตลอดจนชาวประมงพื้นบ้านปากน้ำปราณ และชาวบ้านในชุมชนตำบลปากน้ำปราณ พร้อมด้วยนักเรียน นักศึกษาโรงเรียนปากน้ำปราณวิทยา,ผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรมเอกวาซอนหัวหิน นักท่องเที่ยว เข้าร่วมกิจกรรม
นายพิษณุพงษ์ เหล่าลาภผล ประธานกลุ่มคนรักษ์ทะเลและชายหาดปากน้ำปราณ กล่าวว่าการจัดกิจกรรมในวันที่มีทั้งการเสวนา จากวิทยากรด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจากภาครัฐ ภาคเอกชน และตัวแทนจากชุมชน ดร.กมลทิพย์ คงประเสริฐอมร นักวิชาการสิ่งแวดล้อม ชำนาญการพิเศษ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.),นายธนู แนบเนียน คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิระดับชาติของ กรม ทช. พร้อมด้วย นายคมสัน หงภัทรคีรี ผจก.ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี, นายเจือ แคใหญ่ ประธานกลุ่มเกษตรทำประมงปากน้ำปราณ มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำคือท้องทะเล ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้รับฟังถึงแนวทางการอนุรักษ์ และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติให้เป็นไปอย่างยั่งยืน
ดร.กมลทิพย์ คงประเสริฐอมร นักวิชาการสิ่งแวดล้อม ชำนาญการพิเศษ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) กล่าวในเวทีเสวนาว่าวันนี้ได้เห็นตัวแทนภาคประชาชน ภาคเอกชน และภาครัฐซึ่งทำงานในด้านการอนุรักษ์มารวมตัวกันจัดกิจกรรม ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากที่ทุกคนหันมาให้ความสำคัญในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมดูแลพื้นที่ของตนเอง โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม จ.เพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอชะอำ และอำเภอหัวหิน รวมทั้งอำเภอปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 เป็นระยะเวลา 5 ปี ด้วยสาเหตุหนึ่งที่ต้องประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครองก็เกิดจากการพัฒนาและการใช้ประโยชน์พื้นที่ชายฝั่งทะเล จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดิน อีกทั้งมีการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ เพื่อรองรับการพัฒนาเพิ่มมากขึ้นจึงส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของแนวชายหาดที่ถูกกัดเซาะในหลายพื้นที่
ซึ่งประโยชน์ที่จะดีรับในส่วนของการออกประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครอง ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งยังคงความสมบูรณ์ และป้องกันความเสื่อมโทรมของคุณภาพสิ่งแวดล้อม จะส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี
นอกจากการเวทีเสวนาแล้วยังเปิดโอกาสให้เข้าร่วมกิจกรรมได้เข้าเรียนรู้เรื่องของวงจรชีวิตของทั้งหอยหวานและปูม้าที่นำมาอนุบาลเอาไว้ภายใน ศูนย์ศึกษาเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งศาลเสด็จเตี่ย
พร้อมกันนี้ทุกคนยังได้ร่วมกันเดินเก็บขยะบริเวณชายหาดปากน้ำปราณ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและสำคัญอีกแห่ง โดยขยะที่เก็บมาได้ทั้งหมดได้นำมารวมไว้และมีการคัดแยกขยะเพื่อนำไปรีไซเคิล โดยที่พบมากคือขวดน้ำพลาสติกและเศษพลาสติกต่างๆ รวมไปถึงการร่วมกันปลูกต้นจิกทะเล และต้นสารภีทะเล จำนวน 40 ต้น ลงในพื้นที่โซนอนุรักษ์หาดปากน้ำปราณ
นอกจากนั้นยังมีการนำหอยหวานที่ได้จาการเพาะพันธุ์จากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งนำพ่อพันธุ์หอยหวานจากทะเลปากน้ำปราณ ไปดำเนินการเพาะพันธุ์และอนุบาล และนำลูกหอยหวานที่ได้อายุ 2 เดือน นำกลับมาอนุบาลไว้ในโรงเรือนของศูนย์ศึกษาเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งศาลเสด็จเตี่ย และในวันนี้มีปล่อยคืนสู่ท้องทะเล กว่า 5,000 ตัว และส่วนหนึ่งยังมีการอนุบาลเอาไว้เพื่อรอเจริญเติบโตก็จะปล่อยลงสู่ทะเลต่อไปเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีการปล่อยลูกปูม้าเพศเมีย และปล่อยลูกปูม้าที่มีการเขี่ยไข่ออกมาแล้วคืนสู่ท้องทะเลอีก กว่า 3 ล้านตัวอีกด้วย
นายเจือ แคใหญ่ กลุ่มเกษตรทำประมงปากน้ำปราณ,กล่าวว่าการปล่อยทั้งหอยหวาน และ ปูม้านั้นถือว่าเป็นสร้างจิตสำนึกให้กับชาวประมง แทนการจับขึ้นมาจำหน่ายและบริโภคเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะปัจจุบันทั้งปูม้าและหอยหวานเป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภค มีราคาสูงดังนั้นทางภาคีเครือข่ายอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม ดังนั้นภาคเครือข่ายการอนุรักษ์ จึงต้องร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการฟื้นฟูระบบนิเวศน์ชายฝั่งพัฒนาศักยภาพของแหล่งประมงให้มีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งและเป็นไปอย่างยั่งยืนอันจะนำมาซึ่งรายได้
#ประจวบโพสต์นิวส์
#Prachuppoetnews