“รมว.ทส.” ห่วงขี่เจ็ทสกีรบกวนวาฬบรูด้า เพชรบุรี
“รมว.ทส.” ห่วงขี่เจ็ทสกีรบกวนวาฬบรูด้า เพชรบุรี
#ประจวบโพสต์นิวส์ รมว.ทส. “ท็อป วราวุธ” ห่วงเจ็ทสกีรบกวนวาฬบรูด้าเพชรบุรี ถามหาจิตสำนึกนักท่องเที่ยวพร้อมผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวชมวาฬ แบบเกาะเซบู ฟิลิปปินส์ โดยเบื้องต้น ส่งเจ้าหน้าที่ กรมทช.ลงไปพูดคุยสร้างความเข้าใจให้กับผู้ที่ขี่เจ็ทสกี ชมวาฬแล้ว
ตามที่มีข่าวกลุ่มนักท่องเที่ยวไฮโซขับเจ็ทสกีกว่า 20 ลำ ขับวนบริเวณหาดเจ้าสำราญ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อชมวาฬบรูด้า ในช่วงเทศกาล “ชมวาฬ ทานปู” ซึ่งทางจังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับเทศบาลตำบลหาดเจ้าสำราญ และชมรมเรือประมงชายฝั่ง จัดให้บริการนักท่องเที่ยวนั่งเรือชมวาฬบรูด้าในท้องทะเลอ่าวไทยรูปตัว ก.จนเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วไป นั้น
วันที 15 ตุลาคม 2562นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวแสดงความกังวลในกรณีดังกล่าว ที่กลุ่มนักท่องเที่ยวขับเจ็ตสกีกว่า 20 ลำ ชมวาฬบรูด้า จนอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ฝูงวาฬและถูกรบกวนการหากินจากเสียงเครื่องยนต์ ทั้งนี้ ตนทราบเรื่องนี้จากรายงานด่วนของที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ นายยุทธพล อังกินันทน์ และได้สั่งการให้ที่ปรึกษา รมว.ทส. กำชับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช) ให้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลฝูงวาฬบรูด้าที่มาหากินบริเวณชายฝั่งจังหวัดเพชรบุรี พร้อมให้เพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้นักท่องเที่ยวถึงวิธีการชมวาฬที่ถูกต้องและไม่รบกวนวิถีชีวิตฝูงวาฬ ตามแนวทางการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอย่างยั่งยืน
“สำหรับฝูงวาฬบรูด้า ที่มาหากินที่ชายฝั่งทะเลเพชรบุรี ถือเป็นของขวัญที่มีค่าจากธรรมชาติ ฉะนั้นแล้ว นักท่องเที่ยวที่ต้องการชมวาฬบรูด้า ต้องช่วยกันดูแลรักษา และปฏิบัติตามกฏระเบียบในการเยี่ยมชมด้วย ต้องคิดถึงคนอื่นและชาวบ้านในพื้นที่ที่อาศัยรายได้จากการท่องเที่ยวที่เกิดจากฝูงวาฬบรูด้า การเข้าไปรบกวนวิถีชีวิต หรือสร้างความตกใจให้ฝูงวาฬที่มีพฤติกรรมละเอียดอ่อนเท่ากับเป็นการขับไล่วาฬ ไม่ให้กลับมาที่นี่อีก” นายวราวุธกล่าว
พร้อมยกตัวอย่าง เกาะเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำชมฉลามวาฬที่มีชื่อเสียงระดับโลก ว่ามีมาตรการที่เข้มงวดในการดูแลรักษาฝูงฉลามวาฬ โดยภาครัฐได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกฎระเบียบต่าง ๆ ตั้งแต่การห้ามทาครีมกันแดดลงดำน้ำ เพื่อป้องกันสารเคมีเจือปนน้ำทะเล ไปจนถึงการห้ามนำเรือติดเครื่องยนต์ออกไปชมฝูงฉลามวาฬ ต้องจ้างเรือพายเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะลดความเสี่ยงในการรบกวนฝูงวาฬแล้ว ยังสร้างรายได้จากการรับจ้างให้ชาวบ้านท้องถิ่นด้วย ทั้งนี้ จุดชมวาฬบรูด้า ที่เพชรบุรี ก็สามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่มีชื่อเสียงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เช่นเดียวกัน
โดยตนจะประสานงานกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว เพื่อหารือในเรื่องนี้ต่อไป ทั้งนี้ขอให้นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาชมวาฬบรูด้า มีจิตสำนึกในการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ด้วย เนื่องจาก การขับเจ็ทสกีวนรอบบริเวณที่อยู่อาศัยของวาฬบรูด้า จะสร้างผลกระทบโดยตรงต่อการหาอาหารและการอยู่อาศัยของวาฬในบริเวณดังกล่าว อีกทั้ง อาจเกิดเหตุที่เป็นอันตรายต่อวาฬบรูด้า จึงอยากขอร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าวอย่างเด็ดขาด
ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 (จังหวัดเพชรบุรี) ลงพื้นที่โดยด่วนตั้งแต่วันที่พบเจ็ทสกี โดยมีการนำเรือตรวจการณ์ออกไปพบปะพูดคุยสร้างความเข้าใจ โดยขอให้นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวไม่ให้นำขบวนเจ็ตสกีแล่นไปรบกวนฝูงวาฬบรูด้าอีก พร้อมประสานหน่วยงานเจ้าท่าในพื้นที่เพื่อตรวจสอบใบอนุญาตการใช้เรือและใบนายท้ายเรือของกลุ่มผู้ขับเจ็ทสกี อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ขับเจ็ทสกีได้ทราบและเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นและพร้อมหยุดการกระทำดังกล่าวอย่างเด็ดขาด
อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กล่าวถึงชีววิทยาสัตว์สงวนนี้ต่อไปว่า “วาฬบรูด้า” เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเล หายใจด้วยปอด เป็นวาฬชนิดที่ไม่มีฟัน แต่มีซี่กรองอาหาร มีลักษณะเด่น คือ มีสันนูน ผิวหนังเรียบ สีเทาดำ ท้องสีอ่อนหรือสีชมพู ขนาดโตเต็มวัยมีความยาวประมาณ 14-15 เมตร น้ำหนักประมาณ 20 ตัน ให้ลูกครั้งละ 1 ตัว ทุกๆ 2 ปี ปัจจุบันวาฬบรูด้าได้รับการประกาศให้เป็นสัตว์สงวน ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ในพื้นที่อ่าวไทยมีประชากรวาฬบรูด้าประมาณ 50 ตัว จากการสำรวจในแต่ละวัน อาจพบได้ตั้งแต่ 1 ตัว หรือมากถึง 10 ตัว ขึ้นกับปริมาณของปลาที่เป็นอาหาร
สำหรับข้อปฏิบัติในการชมวาฬบรูด้าที่สำคัญ คือ ความเร็วเรือต้องต่ำกว่า 7 น็อต ในรัศมี 400 เมตร และต่ำกว่า 4 น็อต ในรัศมี 100-300 เมตร จำนวนเรือไม่เกิน 3 ลำ โดยรอบพื้นที่ นอกจากนี้ การสร้างเสียงรบกวนทั้งจากเหนือน้ำและใต้น้ำ จะส่งผลกระทบต่อวาฬ ดังนั้น จึงไม่ควรกระทำการใด ๆ ให้เกิดเสียงดังมาก เช่น การเร่งเครื่องยนต์เรือ การใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ และการส่งเสียงดังของนักท่องเที่ยว สำหรับโทษตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ระบุว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นการล่า โทษสำหรับสัตว์ป่าสงวนคือ จำคุก 3-15 ปี ปรับ 300,000-1,500,000 บาท และ ในกรณีครอบครอง มาตรา 17 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่า โทษครอบครองคือจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หากกลุ่มเจ็ทสกีมารบกวนวาฬอีก ทางกรมฯก็จะดำเนินการตามกฎหมายนี้อย่างเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่และกลุ่มผู้ให้บริการนักท่องเที่ยวช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นเหตุการณ์หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ขอให้แจ้งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) เพื่อจะได้ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ตนจะลงพื้นที่ในวันเสาร์นี้เพื่อติดตามและพูดคุยกับชาวบ้านและหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน พร้อมกำหนดแนวทางและมาตรการที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อวาฬบรูด้าและทรัพยากรทางทะเลอื่น ๆ
อย่าลืม!!!
ติดตามข่าวสารจาก Face book : Prachuppost Newspaper
?กดติดดาว ⭐️ เพจ …จะได้ไม่พลาดโพสต์ของเรา…ได้ที่นี่
https://www.facebook.com/prachuappost/
https://www.facebook.com/prachuppost/
***กดเข้ากลุ่ม ???? กับ ประจวบโพสต์นิวส์ ได้ที่นี่
https://www.facebook.com/groups/387550115078888/
…………………………………………………………………………
ติดตาม #ประจวบโพสต์นิวส์ #Prachuppostnews ได้ใน
Website: http://www.prachuppostnews.com/
YouTube : https://www.youtube.com/channel/UCXnxGL0eeJZsm6vNRqaSUVA…
Twitter: https://twitter.com/prachuppostnews
IG : www.instagram.com/ prachuppostnews