ปส.เปิดยุทธการ “เด็ดปีกภมรวิจิตร”ค้ายาที่หัวหินยึดทรัพย์ 200 ล้าน
ประจวบคีรีขันธ์-ตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดปฏิบัติการ “เด็ดปีกภมรวิจิตร” บุกจับครอบครัวค้ายา คาบ้านที่หัวหิน เปิดร้านขายของทุกอย่าง 20 บาท บังหน้า พร้อมยึดทรัพย์กว่า 200 ล้าน
วันนี้(วันที่ 5 สิงหาคม 2563) พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส.,พล.ต.ต.พรชัย. เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส.พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 บช.ปส.พล.ต.ต.บัณฑิต ทิศาภาค ผบก.สกส.บช.ปส. พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และผู้แทนจากฝ่ายทหารและฝ่ายปกครองที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลบูรณาการจับกุม-สกัดกั้นและยึดทรัพย์สินผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ยึดของกลางจำนวนมากภายใต้ยุทธการสยบไพรี 63/16 “ทลายขุมทรัพย์จับแก๊งยานรก” ปฏิบัติการ เด็ดปีกภมรวิจิตร โดยในวันนี้ ตำรวจปราบปรามยาเสพติดสนธิกำลังเข้าจับกุม ตรวจค้น ยึดทรัพย์ ในพื้นที่ ทั่วประเทศไทย
โดยที่อำเภอหัวหินได้มีการนำหมายศาลเข้าตรวจบ้านหลังหนึ่ง ใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์เพื่อจับผู้ต้องคดียาเสพติด รายสำคัญ คือ นายสว่าง ภมรวิจิตร อายุ 55 ปี ,นางสาววันเพ็ญ สัตย์ธัญญากุล อายุ 33 ปี ,นายเฉลิมพล ภมรวิจิตร อายุ 34 ปี ,นายบรรลือ ภมรวิจิตร อายุ 28 ปี ,นายเผด็จ แซ่ว่าง อายุ 45 ปี 2 สามีภรรยา หลังสืบทราบว่า นายสว่าง และนางวันเพ็ญ เป็นตัวการสำคัญในการสั่งนำยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้านทางภาคเหนือ ลงมากระจายสู่ภาคใต้ พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการ ฯ พ.ศ.2534 ประกอบด้วย บ้านพร้อมที่ดิน จำนวน 24 หลัง ,โฉนดที่ดิน จำนวน 12 ฉบับ ,อาคารพาณิชย์ จำนวน 5 คูหา ,รถยนต์ จำนวน 22 คัน ,รถจักรยานยนต์ จำนวน 27 คัน ,บัญชีเงินฝาก จำนวน 52 บัญชี ,บัตรกดเงินสด จำนวน 5 ใบ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดทั้งสิ้นประมาณ 200 ล้านบาท
พบความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มผู้ขนยาเสพติดที่ถูกจับก่อนหน้านี้ ในจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมยาบ้า กว่า 5 ล้านเม็ด เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา และยังพบเส้นทางการโอนเงินและติดต่อทางโทรศัพท์ ระหว่างนางวันเพ็ญ กับกลุ่มผู้ต้องหาอีกด้วย
โดยนายสว่าง สามีที่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ที่เคยอาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ ผันตัวมาทำหน้าที่โบรกเกอร์ สั่งยาเสพติด เเละจัดหาทีมขนลำเลียงได้เพราะรู้เส้นทางเป็นอย่างดี ก่อนที่ 2 ปีนี้ ตัวนายสว่าง จะย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเปิดร้านขายของทุกอย่าง 20 บาทบังหน้า และร้านขายของที่ระลึก
ชุดสืบสวนเฝ้าติดตามพฤติกรรมนายสว่างเรื่อยมา ก่อนพบว่า ช่วงระยะ 2 ปี ธุรกิจร้านขายของทุกอย่าง 20 บาทของนายสว่างมีเงินหมุนเวียนมากผิดปกติ หนึ่งในจุดผิดสังเกต พบว่าเงินดังกล่าวถูกนำไปสร้างอาคารพาณิชย์ มูลค่ากว่า 45 ล้านบาท ตำรวจจึงรวบรวมหลักฐาน กระทั่งครั้งนี้สามารถออกหมายจับนายสว่างพร้อมภรรยาและลูกชายอีก 2 คนที่มีความเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดได้
พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า จากการสืบสวนติดตามกลุ่มนักค้ายาเสพติดชาวเขาเผ่าม้ง มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเกี่ยวดอง ในลักษณะเครือญาติ โดยกลุ่มเครือข่ายนี้มีศักยภาพในการติดต่อสั่งซื้อยาเสพติดจากโรงงานผลิต ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพ เมียนมา จัดหา ประสาน สั่งการลำเลียงยาเสพติด นำส่งเครือข่าย ซึ่งเป็นกลุ่มเครือญาติในพื้นที่ตอนใน มีการแบ่งหน้าที่ให้เครือญาติ และลูกหลาน ดำเนินการอย่างชัดเจน ครอบคลุม 3 พื้นที่ 3 ภาค ได้แก่ พื้นที่ต้นทาง ในพื้นที่ภาคเหนือซึ่งใกล้แหล่งผลิตและพื้นที่นำเข้า สะดวก ในการจัดหาเครือข่ายผู้ลำเลียงชาวเขาในพื้นที่เดียวกัน พื้นที่กลางทาง ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ใหม่ที่ใช้เป็นบ้านพัก สะดวกในการติดต่อเดินทางระหว่าง 2 พื้นที่ และอยู่ไม่ห่างจากจุดรับมอบยาเสพติดระหว่างกลุ่มผู้ลำเลียงทั้ง 2 ระยะ เพื่อส่งต่อไปยังพื้นที่ภาคใต้ต่อไป พื้นที่ปลายทาง ใช้เป็นแหล่งฟอกเงินและเป็นจุดกระแสเงินต้นทางในการโอนเงินค่ายาเสพติดและ ค่าจ้างลำเลียง โดยใช้ธุรกิจค้าเสื้อผ้า และร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกชาวเขา บังหน้า โดยไม่ได้ต้องการหวังผลกำไรเป็นหลัก กลุ่มเครือข่ายนี้ใช้กระบวนการฟอกเงินโดยให้เครือญาติ ลูกหลาน เปิดบัญชีธนาคารและทำธุรกรรมทางการเงิน รวมทั้งแปรสภาพเงินดังกล่าวไปเป็นอสังหาริมทรัพย์และโอนกรรมสิทธิ์ให้เป็น ผู้ถือครองทั้งที่บุคคลเหล่านั้นมีการประกอบสัมมาชีพ ที่ไม่สอดคล้องกับรายได้และทรัพย์สิน ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการตรวจสอบ และทำให้เกิดความซับซ้อนในการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ
สำหรับปฏิบัติการวันนี้ ตำรวจกระจายกำลังลงพื้นที่ 4 จังหวัด 30 เป้าหมาย คือจังหวัด เชียงใหม่ 22 เป้าหมาย, เชียงราย 1 เป้าหมาย, กรุงเทพ 1 เป้าหมาย และประจวบคีรีขันธ์ อีก 6 เป้าหมาย พบอีกว่าเครือข่าย ของนายสว่างมีทรัพย์สินจำนวนมาก โดยทรัพย์สินทั้งหมด มีการแบ่งชื่อผู้ครอบครอง เป็นเครือญาติ ของนายสว่างทั้งหมด