กรมชลฯ เร่งระบายเขื่อนน้ำเกิน ยันควบคุมระดับน้ำในเขื่อนทั่วประเทศ มั่นคงปลอดภัย
กรมชลฯ เร่งระบายเขื่อนน้ำเกิน ยันควบคุมระดับน้ำในเขื่อนทั่วประเทศ มั่นคงปลอดภัย
วันที่ 1 ส.ค. 2561 นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงกรณีนักวิชาการแสดงความกังวลและห่วงใยสถานการณ์น้ำในเขื่อนทั่วประเทศ ที่มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นในสภาวะฝนตกทั่วประเทศ ว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ จำนวน 35 แห่ง เป็นของกรมชลประทาน 25 แห่ง และของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 10 แห่ง มีน้ำรวมกัน 48,908 ล้านลบ.ม.หรือ 69 % ส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดกลางอีก 412 แห่ง มีน้ำรวม 3,183 ลบ.ม. รวมปริมาณน้ำ 52,019 ล้านลบ.ม. หรือ 68 % ยังรับน้ำได้อีก 23,900 ล้านลบ.ม.ทั้งนี้การบริหารจัดการน้ำตามเกณฑ์เก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำเป็นตัวควบคุมโดยบางแห่งมีน้ำเกินกว่าเส้นควบคุม จะเร่งระบายน้ำให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ควบคุม ใช้การระบายน้ำผ่านระบบชลประทาน ผ่านอาคารระบายน้ำ ลงสู่ลำน้ำเดิม และใช้วิธีการกาลักน้ำเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณการระบายน้ำ สำหรับผลกระทบที่อาจจะเกิดจากการระบายน้ำ กรมชลประทานจะแจ้งข้อมูลหน่วยงานเกี่ยวข้องทุกพื้นที่เพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบสถานการณ์และเตรียมการขนย้ายสิ่งของตลอดจนมาตรการให้กาช่วยเหลือเยียวยา
สำหรับด้านความมั่นคงปลอดภัยของเขื่อน (Dam Safety) มีแผนการตรวจสอบติดตามตั้งแต่ดำเนินการก่อสร้าง ภายหลังจากก่อสร้างเสร็จ กรมฯมีแผนการเฝ้าติดตามโดยการตรวจสภาพเขื่อนด้วยสายตาหาสิ่งผิดปกติ เช่น การกัดเซาะ การรั่วซึม การทรุดตัว เป็นต้น นอกจากนี้ยังติดตั้งเครื่องมือวัดพฤติกรรมเขื่อนสำหรับตรวจสอบติดตามพฤติกรรมเขื่อน ขนาดใหญ่และขนาดกลาง เช่น การไหลซึมผ่านตัวเขื่อน ฐานรากเขื่อน เป็นต้น ทั้งนี้จากการดำเนินการตรวจสภาพเขื่อนด้วยสายตาและการตรวจสอบติดตามพฤติกรรมจากเครื่องมือวัดพฤติกรรมเขื่อน นำมาประเมินความมั่นคงตัวเขื่อน โดยจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทุกๆ 30 วัน และในกรณีวิกฤติจะทำการตรวจสอบทันที ทุก 24 ชั่วโมง ตามมาตรฐานความปลอดภัยเขื่อน เพื่อให้เขื่อนมีความมั่นคงปลอดภัย พร้อมใช้งานอย่างเต็มศักยภาพ ในส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กที่อยู่ในความดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมชลประทาน ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าไปให้คำปรึกษา แนะนำ การบำรุงดูแลรักษา การตรวจสอบความปลอดภัยเขื่อน รวมทั้งแนวทางการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม พร้อมกับประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข่าวสารสู่สาธารณะเพื่อสร้างการรับรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นว่าอยู่ในพื้นที่บริเวณใด ตลอดจนระยะเวลาที่อาจจะได้รับผลกระทบจะใช้เวลานานเท่าไร ทุกช่องทาง ได้เปิดใช้สายด่วน 1460 เพื่อให้ประชาชนสามารถโทร.เข้ามาสอบถามสถานการณ์น้ำได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ หรือ SWOC ได้ตลอด 24 ชม.
ประจวบโพสต์นิวส์ / Prachuppostnews