เกินครึ่งประเทศ!! ปภ.ประสาน 58 จังหวัด รับมือฝนตกหนัก–คลื่นลมแรง 15-17 ส.ค. 61
เกินครึ่งประเทศ!! ปภ.ประสาน 58 จังหวัด รับมือฝนตกหนัก–คลื่นลมแรง 15-17 ส.ค. 61
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 12 สิงหาคม 2561 – กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 58 จังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยจากภาวะฝนตกสะสมและคลื่นลมแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 15 – 17 ส.ค. 2561 โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง 24 ชม. บูรณาการทรัพยากรด้านสาธารณภัยและหน่วยปฏิบัติการให้เผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดการเดินเรือทุกประเภทให้มีความปลอดภัย อีกทั้งแจ้งเตือนประชาชนระมัดระวังอันตรายจากสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศ ปริมาณฝนสะสม และปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่พบว่า หลายจังหวัดยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศพายุดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต้จะเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศเวียดนามช่วงวันที่ 15 – 16 สิงหาคม 2561 ส่งผลให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกเพิ่มขึ้น ปริมาณฝนที่ตกสะสม อาจทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ริมแม่น้ำ ที่ลาดเชิงเขา พื้นที่ที่มีสถานการณ์อุทกภัยอยู่แล้ว มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม รวมถึงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตรในช่วงวันที่ 15 – 17 สิงหาคม 2561 โดยมีจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังอุทกภัย 45 จังหวัด แยกเป็น
ภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร ตาก นครสวรรค์ และอุทัยธานี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ชัยภูมิ อำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์
ภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา กระบี่ และสตูล
นอกจากนี้ยังมี จังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังคลื่นลมแรง 13 จังหวัด แยกเป็น
ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
ทั้งนี้ กอปภ.ก ได้ประสานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าว เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัย โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำและแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงประสานทุกหน่วยงานในพื้นที่บูรณาการทรัพยากร เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ด้านสาธารณภัย ตลอดจนเจ้าหน้าที่ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอด 24 ชม. หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงให้พิจารณาอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยตามแผนและขั้นตอนการปฏิบัติที่กำหนด พร้อมชี้แจงสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนถึงความจำเป็นในการอพยพเพื่อความปลอดภัยของประชาชน นอกจากนี้ ให้จังหวัดพื้นที่ริมชายฝั่งทะเลประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดเรือทุกประเภท ให้เดินเรือด้วยความระมัดระวังพร้อมตรวจสอบสภาพเรือให้มีความปลอดภัย และอุปกรณ์ชูชีพให้เพียงพอ สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสียงภัย ขอให้เตรียมพร้อมรับมือและระมัดระวังอันตรายจากสถานการณ์ภัย โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
ประจวบโพสต์นิวส์ / Prachuppostnews