เสียหายหนัก!! น้ำล้นสปิลเวย์ท่วมหมู่บ้านคลองลอย ชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 8,000 คน
น้ำล้นสปิลเวย์ท่วมหมู่บ้านคลองลอยเสียหายหนัก!! ชาวบ้านวอนรัฐแก้ปัญหาสะพาน 1 ทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทิศทาง
วันที่ 11 พ.ย.2561 ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดหลังเกิดฝนตกหนักในในเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำของพื้นที่ อ.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.2561 ที่ผ่านมา จนถึงช่วงเช้าของวันที่ 9 พ.ย. 2561 ส่งผลให้ปริมาณน้ำที่อยู่ในอ่างเก็บน้ำบ้านคลองลอย ซึ่งรับน้ำจากป่าต้นน้ำในเทือกเขาตะนาวศรี เพิ่มสูงขึ้นจนเกินปริมาณการกักเก็บ ทำให้น้ำล้นสปิลเวย์ ไหลลงสู่คลองลอย โดยมีกระแสน้ำไหลเชี่ยว ส่งผลให้สะพานขาดจนรถยนต์ไม่สามารถผ่านขึ้นไปบริเวณอ่างเก็บน้ำคลองลอยด้านบนได้
นางเยาวเรศ บัวกระสินธุ์ และ นายจำลอง เรืองทอง ชาวบ้านคลองลอย กล่าวว่าอยู่ที่หมู่บ้านคลองลอยมานานกว่า 30 ปี ในวันนั้นฝนตกหนักมากจริงๆ และน้ำที่น้ำไหลล้นสปิลเวย์ และน้ำส่วนหนึ่งล้นข้ามสันอ่างเก็บน้ำลงมามีความรุนแรงมากกว่าเมื่อปี 2560 หมู่บ้านคลองลอยที่ตั้งอยู่บริเวณสะพาน 1 ได้ถูกน้ำที่ไหลเชี่ยวและรุนแรงมากมีสีแดงขุ่น ด้วยปริมาณมวลน้ำที่ไหลลงมามีปริมาณมากได้ไหลท่วมจนมองไม่เห็นสะพาน ทำให้ทั้งราวสะพานขาดเสียหาย และจากกระแสน้ำที่รุนแรงในช่วงนั้น ยังทำให้น้ำเปลี่ยนทิศทางไหลทะลัก เข้าท่วมหมู่บ้านคลองลอย อย่างรวดเร็ว จนชาวบ้านตั้งรับไม่ทันถึงแม้ว่าชาวบ้านที่นี่จะเคยเจอปัญหาอ่างเก็บน้ำคลองลอยแตกเมื่อปี 2548 และอีกหลายครั้งเมื่อฝนตกหนัก ก็จะส่งผลกระทบต่อหมู่บ้านคลองลอย
ชาวบ้านคลองลอย บอกเหมือนกันว่าสาเหตุที่ทำให้น้ำเปลี่ยนทิศทางไหลเข้าหมู่บ้าน มีทั้งมวลน้ำที่มีในปริมาณมาก และน้ำล้นสันอ่าง น้ำล้นสปิลเวย์ และยังมีน้ำที่มาจากบนภูเขาจุดอื่นๆด้วยมาสบทบกัน เมื่อไหลมาบรรจบกับสะพาน 1 ซึ่งขวางกั้นคลองลอย จนทำให้ปะทะกับสะพานดังกล่าว และไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านทันที ทำให้บ้านเรือน ร้านค้า และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ได้รับความเสียหาย ซึ่งภายหลังจากมวลน้ำก้อนใหญ่ผ่านไปแล้ว พบว่าในบ้านเรือน และร้านค้า มีทั้งทรายและโคลนที่มากับน้ำถูกซัดเข้ามาอยู่ในบ้านและร้านค้า ซึ่งต้องใช้เวลาเก็บกวาดล้างทำความสะอาดบ้าน และข้าวของส่วนหนึ่งที่จมน้ำก็ต้องทิ้งไป ยอมรับว่า ทรัพย์สินและข้าวของได้รับความเสียหายอย่างหนัก สิ่งสำคัญอยากให้ทางหน่วยงานภาครัฐ เข้ามาตรวจสอบหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านคลองลอย โดยเฉพาะอยากให้มีการพิจารณาปรับแก้ไขสะพาน1ให้สูงขึ้นมากกว่านี้ เพื่อให้น้ำสามารถไหลลอดใต้สะพานได้อย่างสะดวก ในช่วงที่เกิดน้ำไหลทะลักออกจากอ่างเก็บน้ำคลองลอย ครั้งนี้นับว่าโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเหมือนเมื่อปี2548
อย่างไรก็ตามพบว่า ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำคลองลอยในวันนี้ น้ำยังคงเต็มอ่างและระบายออกทางสปิลเวย์ ลงสู่คลอง เพื่อไหลไปสู่คลองบางสะพาน บนสันอ่างเก็บน้ำยังคงหลงเหลือให้เห็นสภาพเศษไม้ ขนาดต่าง ๆ รวมทั้งวัชพืช ในวันที่น้ำล้นสันอ่าง โดยสภาพในบริเวณเหนืออ่างเก็บน้ำยังคงมีเมฆฝนปกคลุม และมีฝนตกลงมาเล็กน้อย
ทั้งนี้ นายศักดิ์รินทร์ ทุมเสน นายอำเภอบางสะพาน กล่าวว่า เบื้องต้นมีผู้ประสบภัยกว่า 8,000 คน ส่วนความเสียหายอื่นๆอยู่ระหว่างการสำรวจ
ประจวบโพสต์นิวส์ /Prachuppostnews